ข่าวประชาสัมพันธ์ ทภ.2

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดแถลงข่าวตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ครั้งที่ 34/2560 ณ อาคารสุรสัมมนาคาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

     วันนี้ (22 ส.ค.60) เวลา 13.00 น. ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณคณะผู้บริหาร คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ที่อำนวยความสะดวกเกี่ยวกับสถานที่สำรับการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ในครั้งนี้ พร้อมชื่นชมสถานที่ต่าง ๆ ของมหาวิทยามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีมีความสวยงามและมีความสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย เหมาะที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสถานที่อื่น ๆ ได้ปฏิบัติตาม

     พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงเดินทางมาตรวจราชการและพบปะกับประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาในโอกาสมาประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ว่า มีความรู้สึกที่ดีต่อประชาชนชาวภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสานทุกคนตลอดมา และมีความรู้สึกที่ดีต่อประชาชนทั้งประเทศ เพราะเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศและมีหน้าที่ทำงานเพื่อประชาชนและประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งตั้งแต่เข้ามารับหน้าที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และบริหารราชการแผ่นดิน รวมถึงขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจที่ประชาชนได้มอบให้ในการทำงานบริหารราชการแผ่นดินเพื่อประเทศชาติและประชาชน

     ส่วนกรณีที่มีประชาชนซึ่งเป็นสื่อในพื้นที่ได้ขอบคุณรัฐบาลและยื่นหนังสือขอเสนอแนวทางในการปฏิรูปสื่อนั้น นายกรัฐมนตรี ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว และรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เดินทางมาพบปะกับประชาชนทุกภาคส่วนในพื้นที่ ทั้งนี้ ยืนยันไม่รู้สึกผิดหวังแต่อย่างใดที่ได้เดินทางมา เพราะไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้รับการสนับสนุนหรือไม่สนับสนุน โดยหวังแต่เพียงว่าตนเองและรัฐบาลจะทำอะไรให้กับประชาชนในพื้นที่ได้

     พร้อมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 20 จังหวัด ภายหลังจากที่ได้มีการพบปะหารือในประเด็นต่าง ๆ ร่วมกัน ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดดังกล่าวได้มีการทำงานตามนโยบายรัฐบาลมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง โดยการพบปะกันครั้งนี้เป็นเพียงการมากำชับและรับทราบปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่ ซึ่งทราบดีถึงปัญหาและศักยภาพของภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นอย่างไร ทั้งในเรื่องของประชาชน รายได้ที่ต่ำ ปัญหาน้ำท่วม ฝนแล้ง และมีพื้นที่ที่อยู่ในเขตชลประทานมีจำนวนน้อย ตลอดจนไม่สามารถนำแร่ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่มาใช้ประโยชน์ได้ เพราะฉะนั้นเพื่อให้สามารถนำสิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่มาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มศักยภาพ จะต้องมีการกำหนดแผนการดำเนินการให้ชัดเจน โดยต้องมีการบูรณาการงบประมาณการทำงาน function ของแต่ละกระทรวง หน่วยงาน รวมทั้งในระดับจังหวัดซึ่งมีทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด พาณิชย์จังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ฯลฯ ให้สามารถขับเคลื่อนไปได้ตามเป้าหมายที่กำหนด โดยเฉพาะการสร้างความเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำทางกายภาพให้กับทุกตำบล ทุกหมู่บ้านให้ได้ ขณะเดียวกันต้องมีการทำงานบูรณาการข้ามกระทรวง หน่วยงาน โดยให้สามารถใช้งบประมาณข้ามกระทรวงในกิจกรรมเดียวกันมาเสริมกัน เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงและมูลค่ามากขึ้น เช่น การจัดคลัสเตอร์เป็นกลุ่มงานในการบูรณาการ เป็นต้น

     อีกทั้ง ทุกหน่วยงานต้องมีการศึกษาและทำความเข้าใจในเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และเรื่องการปฏิรูปต่าง ๆ ซึ่งต้องมีแผนแม่บทในการปฏิรูประยะ 5 ปี เพื่อให้สามารถนำศักยภาพของทุกภาค โดยเฉพาะการค้นหาศักยภาพของภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้เจอ เพื่อสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงคลัสเตอร์ที่มีศักยภาพในพื้นที่ให้เกิดมูลค่าโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ เพื่อยกระดับอาชีพ รายได้กับประชาชนในพื้นที่ โดยภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และประชาชนทุกกลุ่มต้องร่วมมือกัน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้ขับเคลื่อนการทำงานโดยใช้นโยบายประชารัฐในการที่จะให้ทุกหน่วยงานได้มาร่วมกันในทุกกิจกรรม โดยในส่วนของภาครัฐได้มีการสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ ให้กับประชาชนในการขุดหาแหล่งน้ำเพื่อสามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ได้ด้วยตนเอง การจัดหาเครื่องมือในการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรให้กับสหกรณ์การเกษตรและวิสาหกิจชุมชน การพัฒนาโรงสีชุมชน การพัฒนาคลังกักเก็บผลิตผลทางการเกษตรในระดับพื้นที่โดยดำเนินการให้สอดคล้องกับปริมาณโรงสีที่มีอยู่ การแปรรูป การรวมกลุ่ม การปลูกพืชให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะเน้นในเรื่องของสุขภาพที่เป็นผลผลิตของเกษตรอินทรีย์ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาล โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการจัดงานเกษตรอินทรีย์ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร “เกษตรไทยก้าวหน้า ภายใต้ร่มพระบารมี” 16-20 สิงหาคม 2560 ณ สวนลุมพินี กรุงเทพฯ จากที่คาดการณ์จะมีประชาชนมาเที่ยวชมงาน 50,000 คน แต่ปัจจุบันความสำเร็จที่เกิดขึ้นคือมีประชาชนมาเที่ยวชมงานเป็นจำนวนมากถึง 150,000 คน และมี 34 ประเทศให้ความสนใจส่งผู้แทนเข้ามาร่วมงานและชื่นชมการเกษตรของประเทศไทยด้วย ซึ่งตรงนี้จะต้องมีการพัฒนาศักยภาพในด้านการเกษตรที่ประเทศไทยมีอยู่โดยส่งเสริมการปลูกพืชให้สอดคล้องและตรงกับความต้องการของผู้บริโภคและตลาด เพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสม และป้องกันราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำเนื่องจากมีปริมาณผลผลิตมากเกินความต้องการ

     นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า โครงการประชารัฐจำเป็นต้องเร่งรัดและทำงานอย่างมีวิสัยทัศน์ให้ได้ ทั้งในส่วนของภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน โดยต้องมองและกำหนดอนาคตประเทศร่วมกันเพื่อไปสู่เป้าหมายที่กำหนด ป้องกันปัญหาความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นท่ามกลางวิฤต โอกาส และศักยภาพที่ประเทศมีอยู่ รัฐบาลมีหน้าที่ในการที่จะดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยภายในและภายนอก รวมทั้งขอให้ประชาชนทุกคนสนใจในเรื่องของความมั่นคง โดยเฉพาะควรติดตามประเด็นความมั่นคงของต่างประเทศด้วย เพื่อจะได้รับทราบข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากทั่วโลก เพื่อเฝ้าระวังและเตรียมการป้องกันก่อนที่จะเกิดเหตุที่เป็นอันตรายต่อประเทศได้

     สำหรับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมนั้น นายกรัฐนตรี ได้กล่ายืนยันว่า รัฐบาลปัจจุบันได้พยายามเร่งรัดการดำเนินการทั้งระบบให้เกิดขึ้นให้ได้โดยเร็ว เพื่อให้เกิดความยั่งยืนตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โดยเฉพาะโครงการตามพระราชดำริต่าง ๆ เช่น เรื่องการลดปัญหาน้ำท่วม ฝนแล้ง เป็นต้น รวมทั้ง ต้องมีการปรับเปลี่ยนการปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่และปริมาณน้ำ และมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบครบวงจร เช่น การปลูกพืชใช้น้ำน้อย การปลูกไร่นาสวนผสม การทำปศุสัตว์ทดแทนการปลูกพืชบางชนิด หรือการปลูกพืชสำหรับเลี้ยงสัตว์ ฯลฯ ขณะเดียวกันทุกฝ่ายต้องสร้างความไว้วางใจระหว่างกันเกิดขึ้นให้ได้ เพื่อลดความหวาดระแวง โดยประชาชนทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ รวมถึงการร่วมมือกันป้องกันการทุจริตและกระทำผิดกฎหมายต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญและจะมีการติดตามผลการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

ขอบคุณข่าวจาก : กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

วิดเจ็ต

Our Visitor

0 9 3 0 8 2
Views Today : 93
Views Yesterday : 142
Views Last 30 days : 9136
Total views : 486454